การใช้สำนวนในภาษาไทย
ผู้ใช้สำนวนในการสื่อสารให้เกิดสัมฤทธิผล
จะต้องมีความรู้เกี่ยวกับความหมายของสำนวนให้แน่ชัดเพื่อใช้ให้ตรงกับจุดมุ่งหมายของการสื่อสารแต่ละครั้ง
อาจใช้เพื่อสั่งสอน เตือนสติ เปรียบเทียบ ประชดประชัน ว่ากล่าว ตำหนิ ชื่นชม
ล้อเลียน เช่น
๑. ใช้เพื่อสั่งสอนหรือให้สติ
เช่น กำแพงมีหูประตูมีช่อง อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย
ปั้นวัวปั้นควายให้ลูกท่านเล่น
๒. ใช้เพื่อเปรียบเทียบ
เช่น เข็นครกขึ้นภูเขา ปอกกล้วยเข้าปาก
๓. ใช้เพื่อประชดประชัน
เช่น สีซอให้ควายฟัง
๔. ใช้เพื่อว่ากล่าว
ตำหนิ เช่น ตาไม่มีแวว ไม่ดูตาม้าตาเรือ
๕. ใช้เพื่อแสดงความชื่นชม
เช่น กิ่งทองใบหยก เสน่ห์ปลายจวัก
ข้อควรระวังเกี่ยวกับการใช้สำนวน
เนื่องจากสำนวนไทยมีจำนวนมาก และปัจจุบันยังมีสำนวนใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นมา
ทำให้เกิดความสับสน หรือใช้สำนวนผิดไปจากเดิม
การสื่อความหมายอาจผิดหรือคลาดเคลื่อนได้
ผู้ใช้สำนวนจึงควรสังเกตความหมายและใช้อย่างระมัดระวัง
ลักษณะการใช้สำนวนที่ผิดมีดังนี้
๑. ใช้สำนวนผิด
เพราะเข้าใจความหมายผิดหรือไม่เข้าใจความหมาย เช่น
จะให้ไปขนโต๊ะเก้าอี้
ฉันไม่ทำหรอก ฉันไม่อยากเข็นครกขึ้นภูเขา
สำนวน เข็นครกขึ้นภูเขา หมายความว่า
การกระทำกิจการบางอย่าง ซึ่งมีความยากลำบากกว่าจะประสบผลสำเร็จได้ ในที่นี้เข้าใจผิดว่าหมายถึง
ทำงานหนักที่ต้องใช้แรงกาย
ซื้อล็อตเตอร์รี่รัฐบาล กว่าคุณจะถูกรางวัลเหมือนงมเข็มในมหาสมุทร
สำนวน งมเข็มในมหาสมุทร หมายความว่า
ค้นหาสิ่งยากจะค้นหาได้ หรือทำกิจการสำเร็จได้ยาก
แม้ว่าการถูกล็อตเตอร์รี่เป็นเรื่องยากยิ่ง
แต่ได้มาด้วยการเสี่ยงโชคและโชคดีจึงจะถูกรางวัล
จึงไม่นับเป็นการค้นหาหรือทำสิ่งที่สำเร็จได้ยากตามความหมายของงมเข็มในมหาสมุทร
เสื้อสองตัวนี้สวยพอกัน
ฉันตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเลือกตัวไหนดี ปประเถทรักพี่เสียดายน้องน่ะเธอ
สำนวน รักพี่เสียดายน้อง มีความหมายว่า ลังเลใจ
ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเลือกอย่างไหนดี
๒. ใช้สำนวนผิดเพราะจงใจดัดแปลงถ้อยคำจากสำนวนเดิม
เช่น
รำไม่ดีหมูไม่กิน ดัดแปลงจาก รำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง
แก้ผ้าเอาหน้ารอด ดัดแปลงจาก ขายผ้าเอาหน้ารอด
เหมาะสมกันราวกับผีเน่ากับโลงผุ ดัดแปลงจาก เหมาะสมราวกับกิ่งทองใบหยก
หมาเห่าเครื่องบิน ดัดแปลงจาก หมาเห่าใบตองแห้ง
งูเงี้ยวเขี้ยวหงอน ดัดแปลงจาก งูเงี้ยวเขี้ยวขอ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น